รายงานการประชุม
คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๑
ครั้งที่ ๓๑/๒๕๕๒
วันจันทร์ที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๒
ณ ห้องประชุมสำนักกฎหมาย สป. ชั้น ๖ อาคารสถาบันดำรงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย
ผู้มาประชุม.
๑. นายชำนาญ พจนา กรรมการ ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม
๒. นายกฤดิธาดา จารุสกุล กรรมการ
แทนที่ปรึกษาด้านกฎหมายกระทรวงมหาดไทย
๓. นายจินต์ วิภาตะกลัศ กรรมการ
๔. ศ.พิเศษ ยุวัฒน์ วุฒิเมธี กรรมการ
๕. นายสุพล ยุติธาดา กรรมการ
๖. รศ.กมลชัย รัตนสกาววงศ์ กรรมการ
๗. นายนิกร เวชภูติ กรรมการ
๘. นางสาววัณณนา บุนนาค กรรมการ
๙. นายเอกศักดิ์ ตรีกรุณาสวัสดิ์ กรรมการ
๑๐. นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ กรรมการ
๑๑. นายอัครเดช เจิมศิริ กรรมการ
.๑๒. นายพิพัฒน์ เนี้ยวคงศักดิ์ กรรมการ
แทนผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สป.
๑๓. นางสาวสุดารัตน์ ไม่ซบเซา กรรมการและเลขานุการ
นิติกรชำนาญการพิเศษ สำนักกฎหมาย สป.
ผู้ไม่มาประชุม
๑. นายต่อพงษ์ อ่ำพันธุ์ ติดราชการ
รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายบริหาร
๒. นายสวัสดิ์ ส่งสัมพันธ์ ลาการประชุม
ผู้เข้าร่วมประชุม
๑. นายยงยุทธ ชื้นประเสริฐ นิติกรชำนาญการ สำนักกฎหมาย สป.
๒. นายสมาวิษฎ์ สุพรรณไพ นิติกรชำนาญการ สำนักกฎหมาย สป.
๒
ผู้แทนกรมที่ดิน
๑. นายถวัลย์ ทิมาสาร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการออกหนังสือสำคัญ
๒. นายประภัสสร สืบเหล่ารบ นิติกรชำนาญการพิเศษ
๓. นางฉัตราพร พึ่งบุญ ณ อยุธยา นิติกรชำนาญการ
๔. นายณัฐพัชร กล่ำทอง นิติกรชำนาญการ
๕. นางสาวศุภศิริ เวศาขวรินธ์ นิติกรชำนาญการ
- ร่าง –
กฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. .... )
ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ มาตรา ๘ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติ
ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และมาตรา ๕๖ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ อันเป็นกฎหมาย
ที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้ โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑/๑ ในกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗
“ข้อ ๑/๑ ในกฎกระทรวงนี้
“เขตป่า” หมายความว่า เขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า หรือเขตที่ได้จำแนกให้เป็นเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี
๘
“ระวาง” หมายความว่า ระวางรูปถ่ายทางอากาศ ระวางแผนที่ และระวางแผนที่
รูปถ่ายทางอากาศ”
ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ ๖ แห่งของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“ก่อนออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ทราบมีกำหนดสามสิบวัน ประกาศนั้นให้ปิดไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดิน สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ สำนักงานเทศบาลหรือศาลาว่าการเมืองพัทยาหรือที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล และที่ทำการแขวงหรือที่ทำการกำนันท้องที่ซึ่งที่ดินตั้งอยู่ แห่งละหนึ่งฉบับ”
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๐ แห่งของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๐ เมื่อได้พิสูจน์สอบสวนการทำประโยชน์แล้ว ปรากฏว่าได้มีการครอบครองและทำประโยชน์ตามสมควรแก่สภาพที่ดินในท้องถิ่น ตลอดจนสภาพของกิจการที่ได้ทำประโยชน์ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการดังนี้
(๑) ประกาศการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ทราบมีกำหนดสามสิบวันประกาศนั้นให้ปิดไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดิน สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอสำนักงานเทศบาลหรือศาลาว่าการเมืองพัทยาหรือที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล และที่ทำการแขวงหรือที่ทำการกำนันท้องที่ซึ่งที่ดินตั้งอยู่ แห่งละหนึ่งฉบับ
(๒) ถ้าปรากฏว่าที่ดินนั้นไม่อยู่ในเขตป่าและที่ดินนั้นไม่เป็นที่ดินซึ่งต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามข้อ ๕ และไม่มีผู้คัดค้านภายในกำหนดเวลาที่ประกาศตาม (๑)
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ได้
(๓) ถ้าปรากฏว่าที่ดินนั้นตั้งอยู่ในระวางที่มีเขตป่าและกรมป่าไม้ หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือกรมพัฒนาที่ดินยังไม่ขีดเขตป่าลงในระวางให้เจ้าพนักงานที่ดิน
มีหนังสือสอบถามหน่วยงานดังกล่าวว่าที่ดินนั้นมีอาณาเขตคาบเกี่ยวหรืออยู่ในเขตป่าหรือไม่ ถ้าไม่มีอาณาเขตคาบเกี่ยวหรือไม่อยู่ในเขตป่าให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ได้
ถ้าได้รับแจ้งจากหน่วยงานดังกล่าวว่าที่ดินนั้นมีอาณาเขตคาบเกี่ยวหรืออยู่ในเขตป่าหรือกรณีที่ขีดเขตแล้ว แต่ที่ดินที่ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์มีอาณาเขตคาบเกี่ยวหรืออยู่ในเขตป่า ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยนายอำเภอท้องที่หรือผู้แทน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดหรือผู้แทน ผู้แทนกรมป่าไม้ และหรือผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรรมการอื่นตามที่เห็นสมควร สำหรับที่ดินที่ได้จำแนกให้เป็นเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี แต่ยังไม่ได้ขีดเขตหรือ ขีดเขตแล้ว แต่ที่ดินดังกล่าวมีอาณาเขตคาบเกี่ยวหรืออยู่ใน เขตที่ได้จำแนกให้เป็นเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ให้แต่งตั้งผู้แทนกรมพัฒนาที่ดินเป็นกรรมการด้วยเพื่อร่วมกันออกไปตรวจพิสูจน์ที่ดิน เมื่อ
๙
คณะกรรมการดังกล่าวได้ทำการตรวจพิสูจน์เสร็จแล้วปรากฏว่าที่ดินไม่อยู่ในเขตป่าให้คณะกรรมการแจ้งให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบเพื่อดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แล้วรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ
ถ้าผลการตรวจพิสูจน์ตามความในวรรคสองปรากฏว่าที่ดินนั้นอยู่ในเขตป่าให้เสนอความเห็นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อพิจารณาว่าสมควรออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ได้หรือไม่ เพียงใด”
ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๑ แห่งของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๑ เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้พิจารณาผลการตรวจพิสูจน์ที่ดินของคณะกรรมการตามข้อ ๑๐ (๓) แล้ว ปรากฏว่าที่ดินนั้นอยู่ในเขตป่าแต่ผู้ขอได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายมา
ก่อนวันที่ทางราชการกำหนดให้ที่ดินนั้นเป็นเขตป่าและไม่มีผู้คัดค้านภายในกำหนดเวลาที่ประกาศตามข้อ ๑๐ (๑) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาสั่งการว่าสมควรออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ได้หรือไม่ เพียงใดและให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการ ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการ”
ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความใน (๓) ของข้อ ๑๕ แห่งของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๓) ก่อนแจกโฉนดที่ดิน ให้เจ้าพนักงานที่ดินประกาศการออกโฉนดที่ดินให้ทราบ
มีกำหนดสามสิบวัน ประกาศนั้นให้ปิดไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดิน สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ สำนักงานเทศบาลหรือศาลาว่าการเมืองพัทยาหรือที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล และที่ทำการแขวงหรือที่ทำการกำนันท้องที่ซึ่งที่ดินตั้งอยู่ แห่งละหนึ่งฉบับ”
ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๗ แห่งของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“ข้อ ๑๗ ในการออกใบแทนโฉนดที่ดินให้ดำเนินการดังนี้
(๑) ในกรณีโฉนดที่ดินเป็นอันตรายหรือสูญหาย ให้เจ้าของที่ดินยื่นคำขอและปฏิญาณตนต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการสอบสวนเจ้าของที่ดินจนเป็นที่เชื่อถือได้ และให้เจ้าพนักงานที่ดินประกาศให้ทราบมีกำหนดสามสิบวัน ประกาศนั้นให้ปิดไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดิน สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ สำนักงานเทศบาลหรือศาลาว่าการเมืองพัทยาหรือที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล และที่ทำการแขวงหรือที่ทำการกำนันท้องที่ซึ่งที่ดินตั้งอยู่ แห่งละหนึ่งฉบับ ถ้ามีผู้คัดค้านภายในเวลาที่กำหนดและนำพยานหลักฐานมาแสดงให้เจ้าพนักงานที่ดินสอบสวนแล้วสั่งการไปตามควรแก่กรณี ถ้าไม่มีผู้ใดคัดค้านภายในเวลาที่กำหนด ให้ออกใบแทนให้ไปตามคำขอ
(๒) ในกรณีโฉนดที่ดินชำรุด ถ้าเจ้าของที่ดินนำโฉนดที่ดินที่ชำรุดนั้นมามอบและโฉนดที่ดินที่ชำรุดนั้นยังมีตำแหน่งที่ดิน เลขที่โฉนดที่ดิน ชื่อและตราประจำตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัด และหรือชื่อและตราประจำตำแหน่งของเจ้าพนักงานที่ดินตามแบบโฉนดที่ดินปรากฏอยู่ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ ให้ออกใบแทนให้ไปได้ ถ้าขาดข้อความสำคัญดังกล่าวให้นำความใน (๑) มาใช้บังคับ
๑๐
(๓) ในกรณีศาลมีคำสั่งหรือมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดเกี่ยวกับโฉนดที่ดินหรือผู้ใดมีสิทธิ จดทะเบียนตามคำพิพากษาของศาล แต่ไม่ได้โฉนดที่ดินมาหรือโฉนดที่ดินเดิมเป็นอันตรายชำรุดหรือสูญหายด้วยประการใดให้ผู้มีสิทธิจดทะเบียนยื่นคำขอใบแทนแล้วดำเนินการตามที่กำหนดไว้ใน (๑) หรือ (๒)
แล้วแต่กรณี
(๔) ในกรณีการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ซึ่งได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๘๒ แต่ไม่ได้โฉนดที่ดินมาหรือโฉนดที่ดินเดิมเป็นอันตรายชำรุดหรือ สูญหายด้วยประการใดให้ผู้มีสิทธิจดทะเบียนยื่นคำขอใบแทนและให้ออกใบแทนให้ไปได้ โดยไม่ต้องสอบสวนและไม่ต้องประกาศ
(๕) ในกรณีเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจในการยึดและขายทอดตลาดที่ดินขอให้ออกใบแทนโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินซึ่งเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจได้ยึดมาขายทอดตลาดแล้ว แต่ไม่ได้โฉนดที่ดินมาหรือ โฉนดที่ดินเดิมเป็นอันตราย ชำรุดหรือสูญหายด้วยประการใด ให้ถือหนังสือของเจ้าพนักงานดังกล่าวเป็นแทนคำขอและให้ออกใบแทนให้ไปได้ โดยไม่ต้องสอบสวนและไม่ต้องประกาศ
(๖) ในกรณีอธิบดีจะใช้อำนาจจำหน่ายที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินแต่ไม่ได้โฉนดที่ดินมาหรือโฉนดที่ดินเดิมเป็นอันตราย ชำรุด หรือสูญหายด้วยประการใดให้ดำเนินการออกใบแทน โดยไม่ต้องสอบสวนและไม่ต้องประกาศ
(๗) ในกรณีที่ต้องมีการดำเนินการเพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดิน หรือรายการ
จดทะเบียนตามมาตรา ๖๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แต่ไม่ได้โฉนดที่ดินมาหรือโฉนดที่ดินเดิม
เป็นอันตราย ชำรุดหรือสูญหายด้วยประการใด ให้ดำเนินการออกใบแทน โดยไม่ต้องสอบสวนและไม่ต้องประกาศ
ในกรณีที่ไม่ได้โฉนดที่ดินมาตาม (๓) (๕) (๖) และ (๗) ให้ถือว่าโฉนดที่ดินสูญหาย”
ให้ไว้ ณ วันที่ พ.ศ. ....
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย”
มติที่ประชุม ให้กรมที่ดินแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎกระทรวงฯ ตามความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายฯ แล้วจึงดำเนินการเสนอต่อไปได้
๑๑
ระเบียบวาระที่ ๔ เรื่องอื่น ๆ
ไม่มี
เลิกประชุมเวลา ๑๑.๐๐ น.
(นางสาวสุดารัตน์ ไม่ซบเซา) (นายพิพัฒน์ เนี้ยวคงศักดิ์)
กรรมการและเลขานุการ กรรมการ
ผู้จัดรายงานการประชุม ผู้ตรวจรายงานการประชุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น