คํารองที่ ๗๑๗/๒๕๕๒
คําสั่งที่ ๑๙๒/๒๕๕๓
ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย
ศาลปกครองสูงสุด
วั
นที่ ๘ เดือน มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๓
เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจาหนาที่ของรัฐกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมาย
(คํารองอุทธรณคําสั่งยุติการบังคับคดีตามคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน)
ผูฟองคดีที่ ๒ ยื่นคํารองอุทธรณคําสั่ง ในคดีหมายเลขดําที่ ๑๕๔/๒๕๔๘
หมายเลขแดงที่ ๑๖๘/๒๕๕๑ ของศาลปกครองชั้นตน (ศาลปกครองนครศรีธรรมราช)
คดีนี้ผูฟองคดีทั้งสองไดยื่นฟองคดีตอศาลปกครองสูงสุดเปนคดีหมายเลขดํา
ที่ ฟ. ๒๕/๒๕๔๗ โดยมีสองขอหา ขอหาที่หนึ่ง ขอใหเพิกถอนขอ ๑๔ (๓) ของกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด และขอหาที่สอง
ขอใหไมใหนําขอ ๑๔ (๓) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ขางตน มาใชบังคับ
แกกรณีของผูฟองคดีทั้งสอง และใหดําเนินการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.)
คําสั่ง (ต. ๒๑)
ระหวาง
นายเกษม แสงสวาง ที่ ๑
นายสิกรณ ภูมิกําจร ที่
๒
รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย ที่ ๑
เจาพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ที่
๒
ผูฟองคดี
ผูถูกฟองคดี
/แกผูฟองคดี…
๒
แกผูฟองคดีทั้งสอง ซึ่งศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแลว เห็นวา ขอหาที่สองเปนคดีพิพาท
เกี่ยวกับการที่เจาหนาที่ของรัฐกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑)
แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และศาลปกครอง
มีอํานาจกําหนดคําบังคับไดตามมาตรา ๗๒ แตอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ชั้นตนตามมาตรา ๑๐ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ศาลปกครองสูงสุดจึงไดสงคําฟองเฉพาะ
ประเด็นตามขอหาที่สองมาใหศาลปกครองชั้นตนซึ่งเปนศาลที่มีเขตอํานาจพิจารณาพิพากษา
ตามขอ ๙๙ แหงระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณา
คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ สําหรับขอหาที่สองขางตน ผูฟองคดีทั้งสองฟองวา ผูฟองคดีที่ ๑
เปนผูมีสิทธิครอบครองที่ดิน ๑ แปลง ตั้งอยูหมูที่ ๒ ตําบลกะรน อําเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
โดยซื้อมาจากนายประจวบ บุญชวย ซึ่งไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดินกอนที่
ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ แตมิไดแจงการครอบครอง และผูฟองคดีไดครอบครอง
ทําประโยชนในที่ดินดังกลาวรวมกับนายสุชาติ รักสงบ นางสายใจ ลักษณะมั่น นายประเสริฐ
ชูภักดิ์ และนายยงยุทธ บุญทองคง ตอมาไดนําที่ดินดังกลาวไปขอออกหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ซึ่งเจาหนาที่ของสํานักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตไดปดประกาศ
เรื่อง รังวัดออก น.ส. ๓ ก. ลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๓๖ แลว ไมมีผูใดคัดคาน แตยังไมมีการ
ออก น.ส. ๓ ก. ให ตอมาผูฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือถึงผูถูกฟองคดีที่ ๒ แจงเปลี่ยนแปลงชื่อ
เจาของที่ดินโดยขอใหออก น.ส. ๓ ก. ใหแกผูถือสิทธิครอบครองที่ดินจํานวน ๒ คน คือ
ผูฟองคดีที่ ๑ ซึ่งถือสิทธิครอบครองที่ดินเนื้อที่ ๑๘ ไร ๒ งาน ๗๒ ตารางวา และผูฟองคดีที่ ๒
ถือสิทธิครอบครองที่ดินเนื้อที่ ๖ ไร ๒ งาน แตผูถูกฟองคดีที่ ๒ แจงผูฟองคดีที่ ๑ วา
ไมสามารถออก น.ส. ๓ ก. ใหได เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตมีสภาพเปนเกาะตองหามตามกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ ผูฟองคดีที่ ๑ จึงไดยื่นหนังสือลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๗ อุทธรณคําสั่ง
ของผูถูกฟองคดีที่ ๒ วา ผูฟองคดีกับพวกไดยื่นคําขอออก น.ส. ๓ ก. ไวตั้งแตวันที่
๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๖ กอนมีการประกาศใชกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตาม
ความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งผูวาราชการจังหวัดภูเก็ต
ในฐานะผูพิจารณาอุทธรณไดมีหนังสือแจงผลการพิจารณาอุทธรณวา การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒
สั่งใหยุติเรื่องการขอออก น.ส. ๓ ก. ของผูฟองคดีทั้งสอง เปนการถูกตองแลว เนื่องจาก
จังหวัดภูเก็ตมีสภาพเปนเกาะ จึงตองหามตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ดังกลาว
/มิใหออกหนังสือ…
๓
มิใหออกหนังสือรับรองการทําประโยชนสําหรับที่ดินที่ไมมีหลักฐานแจงการครอบครอง
(ส.ค. ๑) และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ดังกลาว ไมมีบทเฉพาะกาลรองรับ
การออกหนังสือรับรองการทําประโยชนใหแกผูขอที่อยูในระหวางการดําเนินการของเจาหนาที
่
ผูฟองคดีทั้งสองเห็นวาผูฟองคดีทั้งสองไดซื้อและครอบครองทําประโยชนในที่ดินที่ขอออก
น.ส. ๓ ก. ตอเนื่องมาจากบุคคลอื่นซึ่งครอบครองทําประโยชนกอนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดิน
ใชบังคับโดยมิไดแจงการครอบครอง และไดยื่นคําขอออกหนังสือรับรองการทําประโยชน
เปนการเฉพาะรายเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๖ โดยดําเนินการรังวัดเสร็จครบถวน
ตั้งแตกอนวันที่กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
ใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ใชบังคับ จึงเปนการกระทําที่สุจริต พื้นที่บนเกาะภูเก็ต
สามารถที่จะออกเอกสารสิทธิเปนการเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
ไดโดยมิตองแจงการครอบครอง กฎหมายที่มีผลยอนหลังที่ไมเปนคุณแกประชาชนผูสุจริต
ไมนาจะมีผลบังคับ ขัดตอเจตนารมณของกฎหมายและสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
ขอใหศาลมีคําพิพากษามิใหนําขอ ๑๔ (๓) ของกฎกระทรวงขางตน
มาใชบังคับแกกรณีของผูฟองคดีทั้งสอง และใหผูถูกฟองคดีทั้งสองดําเนินการออกหนังสือรับรอง
การทําประโยชนแกผูฟองคดีทั้งสอง
ศาลปกครองชั้นตนพิจารณาแลวเห็นวา การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไมออก
หนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) โดยมิไดแจงการครอบครองใหแกผูฟองคดีทั้งสอง
โดยอางวาเปนที่เขาและที่เกาะ ซึ่งมีประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๔๙๙
และวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ กําหนดหามมิใหออกเอกสาร
แสดงสิทธิในที่ดิน จึงเปนการนําขอกฎหมายที่ไมถูกตองยกมาเปนเหตุปฏิเสธ ทั้งยังมิได
ดําเนินการตามคําขอใหครบถวนตามหลักเกณฑเกี่ยวกับการออกโฉนดที่ดินและหนังสือรับรอง
การทําประโยชนที่กรมที่ดินแจงเวียนใหถือปฏิบัติ จึงเปนการกระทําที่ไมชอบดวยกฎหมาย
และขออางที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ยกขึ้นตอสูคดีไมอาจหักลางใหการกระทําดังกลาวเปนการกระทํา
ที่ชอบดวยกฎหมายได ศาลปกครองชั้นตนจึงพิพากษาใหเพิกถอนหนังสือของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ที่ ภก ๐๐๑๙.๓/๐๖๒๙๑ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๗ ที่แจงตอผูฟองคดีที่ ๑ วาไมสามารถ
ออก น.ส. ๓ ก. ในที่ดินตามคําขอใหได เนื่องจากสภาพที่ดินเปนที่เขาซึ่งเปนเขตหวงหาม
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย และจังหวัดภูเก็ตมีสภาพเปนเกาะตองหามมิใหออกโฉนดที่ดิน
/หรือหนังสือ…
๔
หรือหนังสือรับรองการทําประโยชนตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดําเนินการ
ตามหลักเกณฑและวิธีการเกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนใหถูกตองตอไป
ภายหลังที่ศาลปกครองชั้นตนไดมีคําพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน
๒๕๕๑ แลว คูกรณีไมมีการอุทธรณคดีจึงถึงที่สุด ผูฟองคดีทั้งสองไดรวมกันยื่นคําขอสวมสิทธิ
การรังวัดออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เพื่อใหเปนไปตามคําพิพากษาของ
ศาลปกครองชั้นตนตอเจาพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต แตปรากฏวามีผูยื่นคํารองคัดค
านหลายราย
เจาหนาที่จึงตองดําเนินการตรวจสอบเพื่อใหเปนไปตามระเบียบกฎหมายและคําพิพากษา
ของศาลปกครองชั้นตน ขอเท็จจริงปรากฏวาผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดปฏิบัติเพื่อใหเปนไปตาม
คําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตนตอเนื่องเรื่อยมาและมีการรายงานความคืบหนาให
ศาลปกครองชั้นตนทราบเปนระยะตามที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่ง ผลที่สุดผูถูกฟองคดีที่ ๒
ไดมีหนังสือ ที่ ภก ๐๐๑๙.๓/๑๕๓๕๒ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๒ แจงตอศาลปกครองชั้นตนวา
บริเวณที่ดินที่ผูฟองคดีทั้งสองกับพวกขอออก น.ส. ๓ ก. จากการอานและแปลภาพถายทางอากาศ
โดยผูเชี่ยวชาญของศาลยุติธรรมในทางวิเคราะหภาพถายทางอากาศและแผนที่จากระวางแผนที่
ภาพถายทางอากาศ มาตราสวน ๑ : ๔๐๐๐ จังหวัดภูเก็ต ระวาง ๔๖๒๔ I ๒๒๖๒ มีสภาพ
เปนปาไมผลัดใบ (F๑) ไมมีสภาพการทําประโยชนมากอนประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ
(วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๔๙๗) และเชื่อไดวาผูขอไดเขาครอบครองภายหลังประมวลกฎหมายที่ดิน
ใชบังคับ จึงไมอยูในหลักเกณฑที่จะออก น.ส. ๓ ก. เปนการเฉพาะรายโดยไมไดแจง
การครอบครองตามนัยมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ได สํานักงานที่ดิน
จังหวัดภูเก็ตจึงไดมีคําสั่งไมออก น.ส. ๓ ก. ใหผูฟองคดีทั้งสองกับพวกเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๒
และไดแจงคําสั่งใหผูฟองคดีทั้งสองกับพวกทราบเพื่อใหโอกาสอุทธรณคําสั่งตามพระราชบัญญัติ
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว ตุลาการเจาของสํานวนคดีนี้ของ
ศาลปกครองชั้นตนจึงมีคําสั่ง “ยุติการบังคับคดี” เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๒ และใหแจง
ผูฟองคดีทั้งสองทราบ
ผูฟองคดีที่ ๒ ยื่นคํารองอุทธรณคําสั่งของศาลปกครองชั้นตนที่มีคําสั่ง
ยุติการบังคับคดี ความวา ผูฟองคดีทั้งสองไมเห็นพองดวยกับคําสั่งของศาลปกครองชั้นตน
ที่ใหยุติการบังคับคดี เนื่องจากคําขอออก น.ส. ๓ ก. ของผูฟองคดีทั้งสองไดผานขั้นตอน
/การรังวัด…
๕
การรังวัด การไตสวนสิทธิการทําประโยชนในที่ดินและมีประกาศแจก น.ส. ๓ ก. แกผูฟองคดีทั้งสอง
ภายใน ๓๐ วัน แลว และไมมีผูใดคัดคาน เหลือเพียงขั้นตอนการลงนามใน น.ส. ๓ ก. ของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ เทานั้น ก็จะเสร็จสมบูรณแตเมื่อไมปรากฏขอเท็จจริงดังกลาวในคําพิพากษา
ของศาลปกครองชั้นตนดังเชนในคดีหมายเลขดําที่ อ. ๒๖๐/๒๕๔๗ หมายเลขแดงที่ อ. ๖๑/๒๕๔๘
ทําใหในการปฏิบัติตามคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน ผูถูกฟองคดีที่ ๒ มีการรับฟง
ขอเท็จจริงใหมเกี่ยวกับการครอบครองทําประโยชนในที่ดินของผูฟองคดีทั้งสอง เปนเหตุให
ผูฟองคดีทั้งสองไมไดรับความเปนธรรม ที่ดินของผูฟองคดีทั้งสองมีความลาดชันเกิน ๓๕ %
เพียงประมาณ ๕ ไร เทานั้น ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินไดทําเครื่องหมายไวแลว ที่ดินสวนใหญ
มีความลาดชันเพียง ๑๒ % จึงสามารถออก น.ส. ๓ ก. ไดตามกฎหมาย คําพิพากษา
ของศาลปกครองชั้นตนที่ระบุวาที่ดินของผูฟองคดีทั้งสองมิใชที่ดินที่ครอบครองตอเนื่อง
กันมากอนประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ และมีความลาดชันเกิน ๓๕ % หามมิใหออก น.ส. ๓ ก. นั้น
จึงไมถูกตอง ขอใหศาลปกครองสูงสุดมีคําสั่งแกไขคําสั่งของศาลปกครองชั้นตนที่สั่งให
ยุติการบังคับคดีโดยมีคําสั่งใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดําเนินการออก น.ส. ๓ ก. ใหผูฟองคดีทั้งสอง
และใหใชขอเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินของผูฟองคดีทั้งสองที่รับฟงไดในป พ.ศ. ๒๕๓๖
ในการพิจารณาดําเนินการ
ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแลว คดีมีประเด็นที่จะตองวินิจฉัยในเบื้องตนวา
การที่ศาลปกครองชั้นตนโดยตุลาการเจาของสํานวนมีคําสั่งยุติการบังคับคดีในคดีหมายเลขดํา
ที่ ๑๕๔/๒๕๔๘ หมายเลขแดงที่ ๑๖๘/๒๕๕๑ ชอบหรือไม
พิเคราะหแลวเห็นวา พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา
คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๗๐ วรรคหนึ่ง บัญญัติวา คําพิพากษาศาลปกครอง
ใหผูกพันคูกรณีที่จะตองปฏิบัติตามคําบังคับนับแตวันที่กําหนดในคําพิพากษาจนถึงวันที่
คําพิพากษานั้นถูกเปลี่ยนแปลง แกไข กลับ หรืองดเสีย วรรคสอง บัญญัติวา ในกรณีที่
เปนคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตนใหรอการปฏิบัติตามคําบังคับไวจนกวาจะ
พนระยะเวลาการอุทธรณ หรือในกรณีที่มีการอุทธรณใหรอการบังคับคดีไวจนกวาคดี
จะถึงที่สุด ประกอบกับมาตรา ๗๒ แหงพระราชบัญญัติเดียวกันบัญญัติไววา ในกรณีที่
ศาลปกครองมีคําพิพากษาและกําหนดคําบังคับใหหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ
ใชเงินหรือสงมอบทรัพยสิน หรือใหกระทําการหรืองดเวนกระทําการ หรือใหหัวหนา
/หนวยงาน…
๖
หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของปฏิบัติหนาที่ภายในระยะเวลาที่
ศาลปกครองกําหนด หรือใหบุคคลกระทําหรือละเวนกระทําอยางหนึ่งอยางใดเพื่อใหเปนไป
ตามกฎหมาย และเปนกรณีที่อาจบังคับคดีได หากปรากฏวาหัวหนาหนวยงานทางปกครอง
หรือเจาหนาที่ของรัฐ หรือบุคคลดังกลาวไมปฏิบัติตามคําพิพากษาไมวาทั้งหมดหรือ
แตบางสวน ก็จําตองมีการบังคับคดีเพื่อใหเปนไปตามคําพิพากษา โดยคูกรณีอีกฝายหนึ่ง
อาจรองขอใหมีการบังคับคดีได ซึ่งการบังคับคดีพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติใหนําบทบัญญัติวาดวยการบังคับคดี
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาใชบังคับโดยอนุโลม กลาวคือ คูกรณีอีกฝาย
หนึ่งสามารถรองขอตอศาลปกครองเพื่อใหมีการบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่งนั้น
ไดภายในเวลาสิบปนับแตวันที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง ถาศาลเห็นวาคูกรณีฝายที่
จะตองปฏิบัติตามคําบังคับไดรับทราบคําพิพากษาหรือคําสั่งแลว และระยะเวลาที่ศาล
ไดกําหนดไวในคําบังคับเพื่อใหคูกรณีดังกลาวปฏิบัติตามคําพิพากษาหรือคําสั่งนั้น
ไดลวงพนไปแลว และคําขอนั้นมีขอความระบุไวครบถวนตามที่กฎหมายกําหนด
ศาลก็จะออกหมายบังคับคดีใหทันที โดยศาลจะแจงหมายบังคับคดีใหเจาหนาที่ของสํานักงาน
ศาลปกครองที่มีหนาที่เกี่ยวของกับการบังคับคดีทราบเพื่อดําเนินการตอไปพรอมสงสําเนา
หมายบังคับคดีใหคูกรณีฝายที่จะตองปฏิบัติตามคําบังคับทราบดวย สําหรับคดีนี้ขอเท็จจริง
ปรากฏวา ศาลปกครองชั้นตนมีคําพิพากษาใหเพิกถอนหนังสือของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ลงวันที่
๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๗ ที่ปฏิเสธคําขอออก น.ส. ๓ ก. ของผูฟองคดีที่ ๑ และใหผูถูกฟองคดีที่ ๒
ดําเนินการตามหลักเกณฑและวิธีการเกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน
ใหถูกตองตอไป ภายหลังจากศาลไดมีคําพิพากษาแลวคูกรณีไมมีการอุทธรณ คดีจึงถึงที่สุด
ผูฟองคดีทั้งสองไดรวมกันยื่นคําขอสวมสิทธิการรังวัดออก น.ส. ๓ ก. เพื่อใหเปนไปตามคําพิพากษา
ตอผูถูกฟองคดีที่ ๒ แตปรากฏวามีผูยื่นคํารองคัดคานหลายราย เจาหนาที่จึงตองดําเนินการ
ตรวจสอบขอเท็จจริงเพื่อใหเปนไปตามระเบียบกฎหมายและคําพิพากษาของศาล ผูถูกฟองคดีที่ ๒
ไดดําเนินการตามคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตนดังกลาวอยางตอเนื่องและ
มีการรายงานความคืบหนาใหศาลทราบเปนระยะตามที่ศาลมีคําสั่งโดยที่ศาลก็ไดมีคําสั่งใหแจง
ผูฟองคดีทั้งสองทราบดวยทุกครั้ง จนกระทั่งผู
ถูกฟองคดีที่ ๒ มีหนังสือลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๒
แจงตอศาลวาไมสามารถดําเนินการออก น.ส. ๓ ก. ในที่ดินที่ผูฟองคดีทั้งสองมีคําขอได
เนื่องจากการอานและแปลภาพถายทางอากาศจากระวางแผนที่ภาพถายทางอากาศ
/ในบริเวณที่ดิน…
๗
ในบริเวณที่ดินดังกลาวโดยผูเชี่ยวชาญของศาลยุติธรรมพบวา ที่ดินบริเวณที่ผูฟองคดีทั้งสอง
ขอออก น.ส. ๓ ก. นั้น มีสภาพเปนปาไมผลัดใบ ไมมีสภาพการทําประโยชนมากอน
ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ (วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๔๙๗) และเชื่อไดวาผูฟองคดีทั้งสอง
ไดเขาครอบครองภายหลังประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ จึงไมอยูในหลักเกณฑที่จะออก
น.ส. ๓ ก. เปนการเฉพาะรายโดยไมไดแจงการครอบครองตามนัยมาตรา ๕๙ ทวิ แหง
ประมวลกฎหมายที่ดิน ได จึงมีคําสั่งไมออก น.ส. ๓ ก. ใหผูฟองคดีทั้งสองกับพวกเมื่อวันที่
๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๒ และไดแจงคําสั่งดังกลาวใหผูฟองคดีทั้งสองกับพวกทราบแลว
ขอเท็จจริงปรากฏในสํานวนคดีวาผูถูกฟองคดีที่ ๒ มีหนังสือแจงคําสั่งดังกลาวให
ผูฟองคดีทั้งสองและผูคัดคานการขอสวมสิทธิรังวัดออก น.ส. ๓ ก. ของผูฟองคดีทั้งสอง
ทุกรายทราบตามหนังสือสํานักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ที่ ภก ๐๐๑๙.๓/(๒๒๕๓๖) ๑๕๓๕๓,
ที่ ภก ๐๐๑๙.๓/(๒๒๕๓๗) ๑๕๓๕๔, ที่ ภก ๐๐๑๙.๓/(๒๒๕๓๘) ๑๕๓๕๕, ที่ ภก ๐๐๑๙.๓/(๒๒๕๓๙)
๑๕๓๕๖, ที่ ภก ๐๐๑๙.๓/(๒๒๕๔๐) ๑๕๓๕๗, ที่ ภก ๐๐๑๙.๓/(๒๒๕๔๑) ๑๕๓๕๘
ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๒ และ ที่ ภก ๐๐๑๙.๓/๒๒๖๖๑ ลงวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๒
จากขอเท็จจริงดังกลาวขางตน ยอมถือไดวาเปนกรณีที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ยินยอมปฏิบัติ
ตามคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตนโดยถูกตองครบถวนแลว หนังสือของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ที่ ภก ๐๐๑๙.๓/๑๕๓๕๒ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๒ แจงเรื่องการดําเนินการตามคําพิพากษา
ของศาลปกครองชั้นตนตออธิบดีศาลปกครองชั้นตนดังกลาว จึงเปนการรายงานผลการปฏิบัติ
ตามคําพิพากษาตามที่ศาลปกครองชั้นตนไดมีคําบังคับใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดําเนินการ
ตามหลักเกณฑและวิธีการเกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนใหถูกตองตอไป
การที่ศาลปกครองชั้นตนโดยตุลาการเจาของสํานวนมีคําสั่งยุติการบังคับคดีตามคําพิพากษา
เมื่อไดรับหนังสือการรายงานผลการปฏิบัติตามคําพิพากษาดังกลาว จึงเปนคําสั่งที่ชอบดวย
กระบวนวิธีพิจารณาคดีแลว ที่ผูฟองคดีทั้งสองอุทธรณโตแยงคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน
และขอใหศาลปกครองสูงสุดมีคําสั่งใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดําเนินการออก น.ส. ๓ ก. ใหผูฟองคดีทั้งสอง
ตามคําขอนั้นไมอาจรับฟงได อยางไรก็ตาม คําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม
๒๕๕๒ ที่ไมออก น.ส. ๓ ก. ใหผูฟองคดีทั้งสองและผูคัดคานทุกรายตามคําขอถือเปน
คําสั่งทางปกครองคําสั่งใหมที่มีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนาที่ของผูฟองคดีทั้งสอง
และผูคัดคานดังกลาว ซึ่งหากเห็นวาคําสั่งดังกลาวไมถูกตอง ไมชอบดวยกฎหมาย ผูฟองคดีทั้งสอง
และผูคัดคานทุกรายก็ชอบที่จะใชสิทธิอุทธรณโตแยงคําสั่งดังกลาวไดตอไปตามนัยมาตรา ๔๔
/แหงพระราชบัญญัติ
…
๘
แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และเมื่อไดรับทราบผลการ
วินิจฉัยอุทธรณคําสั่งดังกลาวแลว หากยังไมพอใจในผลการวินิจฉัยอุทธรณ ผูฟองคดีทั้งสอง
และผูคัดคานทุกรายที่ยื่นอุทธรณคําสั่งก็ชอบที่จะใชสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองที่มีเขตอํานาจ
ไดตอไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกําหนด
จึงมีคําสั่งยืนตามคําสั่งของศาลปกครองชั้นตน
นายนพดล เฮงเจริญ ตุลาการเจาของสํานวน
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล
ตุลาการหัวหนาคณะศาลปกครองสูงสุด
นายไพบูลย เสียงกอง
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
นายวรวิทย กังศศิเทียม
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
นายวราวุธ ศิริยุทธวัฒนา
ตุ
ลาการศาลปกครองสูงสุด
วันที่อาน
ธนวรรณ : ผูพิมพ