|
ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ถาวร เสนเนียม” มท.3 ลงเรียกประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องจี้เร่งออกเอกสารสิทธิที่ดินที่ชาวบ้านยื่นขอ 1,400 แปลง เผยหากแปลงใดล่อแหลมต่ออยู่ในที่ดินของรัฐให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบูรณาการโดยเร่งด่วน
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามการปฎิบัติราชการเกี่ยวกับงานที่ดินตามนโยบายรัฐบาลของจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้บริหารระดับสูงของจังหวัด พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นายไพฑูรย์ เลิศไกร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอเมืองภูเก็ต นายอำเภอกะทู้ นายอำเภอ ถลาง ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมและบรรยายสรุปแนวทางการปฎิบัติงานของสำนักงานที่ดินจังหวัด และสำนักงานที่ดินสาขา อ.กะทู้ และ อ.ถลาง
นายถาวรกล่าวว่า การมาครั้งนี้เพื่อตรวจราชการตามปกติ ทั้งในเรื่องของการบริการประชาชนของสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตว่าได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและตามนโยบาย 3 สุขของตน รวมถึงการประนอมข้อพิพาท เพื่อขจัดความขัดแย้งในเรื่องของที่ดิน ที่สำคัญ คือ การเร่งรัดออกโฉนด แม้ว่าภูเก็ตจะไม่มีคณะเดินออกสำรวจโฉนด แต่มีการยื่นคำขอออกโฉนดบนพื้นที่ที่ล่อแหลมต่อการถูกตรวจสอบ และการให้บริการประชาชนน้อยที่สุด มีจำนวนคำขอประมาณ 1,000 กว่าคำขอที่จะต้องเร่งรัดให้ดำเนินการตามพื้นฐานของความถูกต้องและโปร่งใส
โดยเฉพาะหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น เนื่องจากจะต้องมีส่วนร่วมในการรับรองแนวเขตเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังจะได้แจ้งให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการประกาศใช้พระราชบัญญัติจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะบังคับใช้ในเร็วๆนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่ดินเตรียมความพร้อมในการออกโฉนดชุมชนให้แก่ประชาชนที่เข้าไปอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินของรัฐ เนื่องจากขณะนี้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชนได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีไปแล้ว รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการจัดให้มีธนาคารที่ดิน โดยรัฐบาลจัดตั้งองค์การมหาชนขึ้นมาทำหน้าที่ในการรวบรวมที่ดินของรัฐ หรือรัฐซื้อที่ดินของเอกชนที่ตกเป็นหนี้เอ็นพีแอล หรือเหมืองร้างที่หมดสภาพแต่สามารถนำมาจัดเป็นที่ทำกินให้กับประชาชนได้ โดยเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่ได้ยื่นข้อเสนอ เพื่อเข้าสู่ขบวนการการกระจายการถือครองที่ดิน
นอกจากนี้ยังให้จังหวัดเตรียมความพร้อมรองรับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะผู้ว่าฯ จะเป็นประธานคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดในการประเมินภาษีร่วมกับท้องถิ่น โดยปัจจุบันทั่วประเทศสามารถจัดเก็บภาษีโรงเรือนและภาษีบำรุงท้องที่ได้ปีละประมาณ 15,000 ล้านบาท หาก พ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศใช้ โดยกรมที่ดินได้ดำเนินการนำเอาโฉนดที่ดิน 30 กว่าล้านแปลง และเอกสารอาคารชุดอีกประมาณ 5 แสนฉบับไว้ในศูนย์ข้อมูลที่ดินแห่งชาติ จะทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีที่ดินให้กับท้องถิ่นได้อีกเป็นจำนวนมาก คาดกว่าจะสามารถจัดเก็บได้ถึง 100,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวจะมีการแบ่งให้กับท้องถิ่นส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งนำเข้ารัฐบาลกลาง กับหักเป็นค่าบริการ นายถาวรกล่าว
นายถาวรกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในส่วนของการออกโฉนดที่ดิน ซึ่งกรมที่ดินมองว่าการออกโฉนดที่ดินในภูเก็ตเป็นงานยาก เนื่องจากมีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาและบางส่วนอยู่ในเขตที่ดินของรัฐ ซึ่งจากการที่ทางเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดรายงานพบว่า เป็นงานที่มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานของรัฐกันเอง เป็นพื้นที่ทับซ้อนมีคดีความโต้แย้งกรรมสิทธิ์ แนวเขตไม่ชัดเจน จึงต้องใช้ความระมัดระวังค่อนข้างมากในการออกโฉนดแต่ละแปลงเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งที่ดินที่มีปัญหามีอยู่ประมาณ 1,400 กว่าแปลง เช่น บริเวณทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์เขาขาด ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จำนวน 100 แปลง บริเวณเขานาคเกิด เป็นต้น ได้มีการเร่งรัดโดยให้ประสานกับหน่วยงานข้างเคียงในการร่วมกันเซ็นต์รับรองหรือการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ
ทั้งนี้ ได้มอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัดไปดำเนินการจัดทำข้อตกลงในลักษณะของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกันเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็ว เพราะระดับผู้บังคับบัญชามีหน่วยงานที่ จ.นครศรีธรรมราชกับ จ.กระบี่ แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ในพื้นที่ ทำให้ต้องใช้เวลาในการติดต่อประสานค่อนข้างนานทำให้เกิดความล่าช้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น