รูปเเผนที่ จะเห็นว่า บริเวณโดยรอบของที่ดินมีการครอบครองไม่มีด้านใดจดที่รกร้างว่างเปล่าเเละไม่อยู่ในเขตป่าถ้าอยู่ในเขตป่าที่ดินข้างเคียงก็ไม่มีการรับรองถึงสิทธิ์ในการครอบครอง
1 ทางป่าไม้มีหนังสือรับรองว่าไม่อยู่ในเขคป่า
2 คณะกรรมการตามกฎ43ก็มีความเห็นให้ผู้ขอตามพึ้นที่ๆได้ใช้ประโยชน์จริงคือ12ไร่
เลยยังไม่เข้าใจว่าทําไมที่ดินจีงใช้
ระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินเเห่งชาติฉบับที่ 12 ข้อ 10 กําหนดให้ที่ดินด้านหนึ่งด้านใดจดที่ป่าหรือที่รกร้างว่าเปล่าเเละระยะที่วัดได้เกินกว่าระยะที่ปรากฎในหลักฐานเเจ้งการตรอบครองให้ถือระยะที่ปรากฎในหลักฐานการเเจ้งการครอบครองเป็นหลักในการออกโฉนด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดินรายนี้ผู้ขอได้นําการรังวัดเกินระยะในสคมากเเละเดิมสคเเจ้งจดที่รกร้างว่างเปล่าถึงด้านตือด้านทิศเหนือ ทิศใต้ เเละทฺศตะวันตก จึงเป็นเหตุให้เนื้อที่เกินหลักฐานสค1เดิมมากด้วยเเละผู้ขอไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่รังวัดกันระยะตามสค1 ฉะนั้น เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินเเห่งชาติฉบับที่พศจึงเห็นควรกันระยะตามสค1 เเละเเจ้งให้ผู้ขอทราบ เพื่อให้โอกาศอุธรณ์คําสั่งต่อไป
การชี้เเจงไม่มีอะไรเพิ่มเติมจากทางที่ดินบอกเเค่12ข้อ10
โฉนดพื้นที่ สีส้ม มีถนนตรงกลาง บริเวณพื้นที่ ช้างเคียงโดยรอบ สีฟ้า ในสค1 เขียนว่า ที่ว่างเปล่า ข้อเท็จจริงมีการครอบครอง หมดเเล้ว เเละทุกด้านมีการรับรองเเนวเขตครบทุกด้าน สังเกตุจะมีหมุดปักโดยรอบ
1 ความคิดเห็น:
ที่ดินที่ออกโฉนดรอบด้านมีการครอบครองหมดทุกด้านไม่มีด้านใดที่ติดที่ว่างเปล่าในสค1เขียนว่าติดที่ว่างเปล่าเเต่ข้อเท็จจริงมีการครอบครองหมดเเล้วผมเลยว่าต่อไปก็ไม่ต้องออกโฉนดถ้ายึดเนื้อที่ตามสค1
เมื่อดำเนินการมีหนังสือแจ้งไปอีกครั้ง หรือปิดประกาศ
........น่าจะเป็นการปิดหนังสือนะครับ...หนังสือที่ว่า..น่าจะเป็น หนังสือเดียวกับหนังสือสอบถาม......โดยมอบหมายให้ช่างไปปิดในที่ดินข้างเคียง.....บันทึกพยานสองคนโดยไม่ชักช้า.....ไม่ชักช้าปิดในวันทำการรังวัดก็ได้เพราะถ้ารู้ว่าหรือมีหลักฐานการติดต่อไม่ได้แล้ว.....ส่วนสอบถามและส่งไปปิดอำเภอให้ทำในวันเดียวกัน......ตามระเบียบการติดต่อหรือแจ้งข้างเคียง ปี2521....
คำถามที่น่าจะนำมาคิด "ไม่อาจติดต่อได้" ไม่มีคำจำกัดความไว้....ถ้าข้างเคียงเราไม่รู้ว่าเป็นใครตรวจสอบทางทะเบียนที่ดินก็ไม่ได้....ต้องเคยติดต่อก่อนหรือเปล่าจึงจะสอบถามหรือปิดหนังสือได้......หรือไม่ต้องติดต่อปิดหนังสือเลย.....
หันมามองตัวเองถ้าเจอปัญหาเช่นนี้จะทำอย่างไร............คงมองว่ามีอะไรมารองรับในทางปฏิบัติได้บ้าง.....มีใครทำประโยชน์ในที่ดินหรือ.....ถ้าไม่มีการทำประโยชน์ในที่ดิน..น่าจะตกเป็นที่ดินของรัฐตาม ป.ที่ดิน ....เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตาม ป.เพ่ง ม.1304(1)....เป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า.....แต่จะเขียนข้างเคียงว่า.....ที่ว่างเปล่าตามระเบียบข้างเคียง ปี2541ไม่รู้ว่าให้เขียนต่างจากกฏหมายเพราะอะไร........โดยบันทึกผู้ดูแลตามคำสั่งมหาดไทย..9 ธ.ค.2540......พร้อมรับรองเขต...หากผู้ปกครองท้องที่รู้ชื่อข้างเคียงแต่ไม่แน่ชัด.....และตรวจสอบไม่ได้ว่ามีหนังสือแสดงสิทธิ์ประเภทใด.........บันทึกผู้ปกครองท้องที่พร้องพยานสองคน......ว่าเป็นดินของใครทำประโยชน์อะไร....ไม่อาจติดต่อได้....ดำเนินการตามกฏ31(2)หรือระเบียบการติดต่อหรือแจ้งข้างเคียง ปี 2521 (2)....เขียนข้างเคียงว่า "ที่มีการครอบครอง"
แต่บางสำนักงาน....บอกว่าต้องมีการติดต่อก่อน.....จึงจะเข้าใจได้ว่าไม่อาจติดต่อได้......ถ้าเป็นเช่นนั้นคงต้องเข้าทรงหาที่อยู่ล่ะมั้ง......การแบ่งแยกสอบเขตเหมือนกัน....กฏหมายไม่ได้กำหนดจะต้องมีการรับรองเขต....กรมยังกล้าสั่งไม่ต้องมีการรับรองเขตหากมีการรังวัดใหม่ไม่ไปเปลี่ยนแปลงใดๆ......ตามหนังสือ 25 ก.พ.36.....กฎหมายจะกำหนดเฉพาะกรณีแก้เขตไม่มีการสมยอม เลี่ยงกฎหมายด้วย..ต้องรับรองเขตครบ.....และกฏหมายก็ไม่ได้ไปบังคับข้างเคียง..กรณีไม่มารับรองเขตจะต้องยอมรับในเขตที่ผู้ขอนำรังวัดไปแล้ว......
แสดงความคิดเห็น